BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน วางแผนสร้างโรงงานประกอบในกัมพูชา โดยมีกำลังการผลิต 20,000 คันต่อปี เพื่อรองรับตลาดในประเทศและต่างประเทศ
แผนการสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าได้รับการเปิดเผยในการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต และหลิว เสว่เหลียง ผู้จัดการทั่วไปของ BYD Asia-Pacific Auto Sales Division ณ Peace Palace เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ฝ่ายขายรถยนต์ BYD ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก่อตั้งขึ้นในปี 1995 และมีสำนักงานใหญ่ในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ภายในปี 2022 BYD ได้ผลิตรถยนต์ไปแล้ว 3 ล้านคันและมีสาขาใน 70 ประเทศ ในเอเชีย BYD มีโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ในประเทศจีน ไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย
“ฝ่ายขายรถยนต์ BYD เอเชียแปซิฟิก มีแผนที่จะสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในกัมพูชา โดยมีกำลังการผลิตสูงสุด 20,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายในตลาดภายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ” นายฮุน มาเนต กล่าว
ต่อมาในวันนั้น ซุน จันทอล รองนายกรัฐมนตรีและรองประธานคนแรกของสภาพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้ต้อนรับคณะผู้แทนที่นำโดยหลิวที่ CDC โดยเขายินดีต้อนรับคณะผู้แทนจาก BYD ที่จะเดินทางมาที่กัมพูชาเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับศักยภาพและบรรยากาศการลงทุนในราชอาณาจักร
รองนายกรัฐมนตรีได้รายงานให้คณะผู้แทน BYD ทราบเกี่ยวกับโครงการ CDC ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลกัมพูชา (RGC) ในเรื่องการลงทุน และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการทำงานทั้งหมดที่บริษัทร้องขอในภาครัฐ เพื่อเพิ่มกระบวนการลงทุนให้ราบรื่นและมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
ดร. เชย เตช ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Khmer Times เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับชาวกัมพูชาทุกคนที่ทราบว่า BYD ซึ่งเป็นบริษัทประกอบรถยนต์ระดับโลก กำลังวางแผนที่จะสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในกัมพูชา
“สำหรับผม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท BYD หรือโรงงานหรือบริษัทผลิตรถยนต์อื่นๆ ก็ตาม จะเป็นการสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายของ RGC ที่ต้องการเปลี่ยนกัมพูชาให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและประกอบรถยนต์สำหรับใช้ในประเทศและส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก” ดร.เทค กล่าว
“โครงการติดตั้งหรือก่อสร้างโรงงานในกัมพูชาทุกโครงการจะต้องมีส่วนสนับสนุนโครงการเพื่อให้การฝึกอบรมอาชีวศึกษาแก่เยาวชนจำนวน 1.5 ล้านคน”
ประชาชนกัมพูชาจะสามารถใช้รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกลงได้เนื่องจากประกอบรถยนต์ในท้องถิ่นและเพราะรัฐบาลได้รับภาษีจากรายได้ของรัฐ นอกจากนี้ การใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการใช้น้ำมันเบนซินและก๊าซเรือนกระจก
“ในแง่ของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การลงทุนจากต่างประเทศในกัมพูชามีความน่าดึงดูดใจและน่าเชื่อถือมากขึ้น เนื่องจากบริษัทระดับโลกกำลังสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในกัมพูชา” การลงทุนจากต่างประเทศในกัมพูชาจะเพิ่มขึ้นในปี 2567 และปีต่อๆ ไป และจะช่วยเพิ่มการจ้างงานให้กับประชาชน รวมถึงแรงงานที่มีทักษะที่มีรายได้สูง
นายคอง อาทิต ประธานสมาพันธ์แรงงานกัมพูชา (CLC) กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Khmer Times ว่าโดยทั่วไปแล้ว ทราบดีว่ากัมพูชาเปิดกว้างหรือดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งอุตสาหกรรมหนักและเทคโนโลยีล่าสุด ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่กัมพูชาจะต้องลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า
“เมื่อสร้างเสร็จแล้ว โรงงานแห่งนี้จะมอบผลประโยชน์มากมายให้กับประชาชน โดยประชาชนจะมีงานทำที่มีรายได้สูง และคนรุ่นใหม่ชาวกัมพูชาจะได้รับทักษะและความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ นอกจากนี้ยังจะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าและช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต”
นโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า พ.ศ. 2567-2573 จะช่วยปรับปรุงสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ความมั่นคงด้านพลังงาน และการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ สอดคล้องกับแนวโน้มระดับภูมิภาคและระดับโลกที่มุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียว
รัฐบาลกัมพูชาได้ประกาศเป้าหมายในการมีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) บนท้องถนนจำนวน 800,000 คันภายในปี 2573 ภายใต้นโยบายพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่งประกาศไปไม่นานนี้
รายงานของกระทรวงโยธาธิการและคมนาคมระบุว่ากัมพูชาจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 1,614 คัน ณ เดือนมิถุนายน 2024 ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า BYD 658 คัน รถยนต์ไฟฟ้า Toyota 261 คัน และรถยนต์ไฟฟ้า Tesla 186 คัน ซึ่งเป็น 3 แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกัมพูชา
ที่มา Khmer Times
