วันเสาร์, 15 พฤศจิกายน 2568

นิสสันเผยยอดขายเครื่องยนต์ e-POWER มากกว่า 1.5 ล้านคันใน 68 ประเทศทั่วโลก

16 พ.ย. 2024
84

นิสสันเผยยอดขายเครื่องยนต์ e-POWER มากกว่า 1.5 ล้านคันใน 68 ประเทศทั่วโลก

e-POWER ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก เป็นตัวกำเนิดพลังงานปั่นไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนและจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ ทำให้อัตราการใช้เชื้อเพลิงต่ำ และยังได้รับประสบการณ์แบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า 100%

นาโอกิ นากาดะ หนึ่งในหัวหน้าทีมวิศวกรด้านเครื่องยนต์ที่พัฒนาเครื่องยนต์อันทรงพลังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ VR38DETT ที่ขึ้นชื่อเรื่องอัตราเร่งอันทรงพลังแบบหลังติดเบาะใน จีที-อาร์ รหัส R35 ตัวล่าสุด และยังได้พัฒนาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่เงียบมากให้กับนิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้า 100% การที่ได้พัฒนาระบบขับเคลื่อนทั้งสองแบบที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วทำให้โปรเจ็คต่อมาของเขาคือผสานสองสิ่งอันโดดเด่นเข้าด้วยกัน ความเร็วและแรงจากรถสปอร์ต และแรงบิดที่เร็วทันใจจากรถยนต์ไฟฟ้า จนกลายมาเป็นเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์

e-POWER เครื่องยนต์ที่คลายความกังวลของรถยนต์ไฟฟ้า
การเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% ไม่สามารถเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน หลายคนยังลังเลที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า เพราะกังวลทั้งเรื่องระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จในแต่ละพื้นที่ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นากาดะตระหนักถึงข้อจำกัดนี้ จึงหาทางออกเพื่อคลายกังวลให้กับลูกค้าด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ผสานประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและความสะดวกสบายของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป จนกลายมาเป็นเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์

นิสสัน อี-พาวเวอร์แตกต่างจากระบบไฮบริดตรงที่มันลดความยุ่งยากในการทำงานของเครื่องยนต์ด้วยการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงเพียงอย่างเดียว แบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน สมรรถนะสูงจะถูกชาร์จด้วยเครื่องยนต์สันดาปที่ทำหน้าที่เป็นเพียงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ผู้ขับขี่อี-พาวเวอร์ จะได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่น และทรงพลัง เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ เพียงแค่ต้องแวะปั๊มเติมน้ำมันเท่านั้น

การประหยัดน้ำมันถือเป็นอีกส่วนหัวใจสำคัญของระบบ อี-พาวเวอร์ ด้วยเครื่องยนต์ที่ทำงานด้วยความเร็วที่เหมาะสมเพื่อชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ และเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูง หรือวิ่งบนถนนขรุขระ เครื่องยนต์ก็จะทำงาน แต่ด้วยเสียงจากเครื่องที่เบามาก ผู้ขับขี่จะได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบเหมือนตอนขับรถยนต์ไฟฟ้า

“หากมองเผิน ๆ อี-พาวเวอร์ เหมือนระบบที่พัฒนาออกมาได้ง่าย ๆ แต่ความจริงนั้นตรงกันข้าม” นากาดะ อธิบาย “เราต้องสร้างสมดุลระหว่างการใช้และการผลิตกระแสไฟฟ้า การกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับเครื่องยนต์น้ำมันให้ทำงาน และเลือกขนาดแบตเตอรี่ให้เข้ากับประเภทของรถ เราทำงานกันหนักมากเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ”

นิสสันเปิดตัวเทคโนโลยี e-POWER เป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 2016 ด้วย Note e-POWER นับจากนั้นระบบขับเคลื่อนอันล้ำสมัยนี้ก็ขยายไปยังรถยนต์อเนกประสงค์อย่าง Kicks และ X-Trail รวมถึงมินิแวนอย่าง Serena และในปี 2023 รถยนต์นิสสันที่จำหน่ายในญี่ปุ่น 42.6% เป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ e-POWER

ในขณะที่ประเทศจีน e-POWER ถูกวางจำหน่ายในปี 2021 พร้อมกับรถเก๋ง Sylphy e-POWER และตอนนี้ยังขยายไปสู่รถ SUV X-Trail รุ่นล่าสุดอีกด้วย

ในยุโรป รถ SUV รุ่น X-Trail และ Qashqai เวอร์ชันเครื่องยนต์ e-POWER ถูกวางจำหน่ายในปี 2022 โดยมียอดขายรวมมากกว่า 100,000 คัน ณ เดือนมกราคมที่ผ่านมานิสสันวางแผนที่จะเปิดตัว e-POWER ในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2026

ทั้งนี้ นิสสันจะยังคงพัฒนาความน่าสนใจ และความสามารถในการแข่งขันของเทคโนโลยี e-POWER ต่อไป เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลก

ยอดการผลิตรวมของยานยนต์ e-POWER จากตลาดสำคัญต่าง ๆ ทั่วโลก

ญี่ปุ่น 1,170,000 คัน

ยุโรป 140,000 คัน

จีน 60,000 คัน

ประเทศอื่น ๆ 150,000 คัน

รวม 1,520,000 คัน

หมายเหตุ: ปรับตัวเลขทั้งหมดเป็นจำนวนเต็มโดยคร่าว ๆ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567

ที่มา Nissan

Motor Thailand

ad
error: Content is protected !!